...ดูแมวที่แพงที่สุดในโลก

Click here to see a large versionรอยเตอร์เผยแพร่ภาพแมวอาชีร่า แมวพันธุ์ใหม่ที่คิดค้นผสมพันธุ์โดยทีมงานบริษัทแคลิ ฟอร์เนีย ไบโอเทค ผสมระหว่างแมวป่าแอฟริกัน เสือดาวเอเชีย และแมวบ้าน มีน้ำหนักมากที่สุดได้ถึง 13.6 กิโลกรัม สนนราคาเริ่มต้นที่ 22,000 ดอลลาร์ หรือราว 770,000 บาท ส่วนแมวอาชีร่าตัวที่ป้องกันการแพ้ขนแมวได้นั้นเริ่ม ต้นที่ราคา 28,000 ดอลลาร์ หรือ 980,000 บาท
ไซมอน โบรดี ผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวบอกว่า แมวชนิดนี้เลี้ยงง่ายมาก เป็นมิตรมาก ไม่หนีหน้าไปไหน แถมยังร้องเหมียวๆ อ้อนอยู่บ่อยๆ และที่เด็ดสุด คือเปิดประตูก็ได้และยังผูกสายจูงให้เจ้านายพาไปเดิน เล่นได้อีกต่างหาก มันจึงเหมือนสุนัขมากกว่าอะไรทั้งหมด

สำหรับ แมวอาชีร่า รูปร่างคล้ายกับแมวบ้านทั่ว ๆ ไป แต่ตัวใหญ่กว่าและมีลักษณะคล้ายกับเสือดาว ถ้ามันยืน 2 เท้า จะสูงถึง 120 เซนติเมตร มีอายุเฉลี่ยประมาณ 25 ปี แมวอาชีร่า เป็นแมวที่เลี้ยงง่ายมาก เป็นมิตรมาก ไม่หนีหน้าไปไหน แถมยังร้องเหมียว ๆ อ้อนอยู่บ่อย ๆ และที่เด็ดสุด คือเปิดประตูก็ได้และยังผูกสายจูงให้เจ้านายพาไปเดินเล่นได้อีกต่างหาก มันจึงเหมือนสุนัขมากกว่าอะไรทั้งหมด นอกจาก แมวอาชีร่า แล้ว ยังมีแมวพันธุ์ใหม่ เช่น ทอยเกอร์ ซึ่งผสมจากเสือเบงกอลและแมวบ้าน แมวโชซี่ เกิดจากแมวป่าผสมแมวบ้านและแมวซาวานาห์ที่เกิดจากแมวป่าแอฟริกันและแมวบ้าน

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

รูปภาพ แมวอาชีร่า Ashera ตัวใหญ่ลายเสือน่ารัก

Click here to see a large version

0

เหมียวป่วย มีอาการอย่างไร

เหมียวป่วย มีอาการอย่างไร

แมวน่ารัก

เหมียวป่วยมีอาการอย่างไร (โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ)
อย่างไรจึงจะเรียกได้ว่าเหมียวป่วย
  ผู้เลี้ยงแมวที่ยังขาดประสบการณ์ อาจไม่ทราบถึงอาการป่วยของแมวของท่าน เพราะแมวไม่อาจบอกอาการได้เหมือนกับคน จนทำให้อาจรักษาได้ไม่ทันการณ์ หรืออาจสายจนเกินแก้ ดังนั้น หากท่านทราบถึงอาการที่บ่งบอกความเจ็บป่วยของเจ้าเหมียวแล้ว ท่านก็จะสามารถช่วยเหลือชีวิตของพวกมันได้ ซึ่งลักษณะแสดงอาการป่วยนั้นมีดังนี้
1. แมวของท่านเบื่ออาหารไปจนถึงไม่กินเลย แต่หากแมวร่าเริงดี แต่ไม่กินอาหาร อาจเป็นไปได้ว่าไปกินมาจากที่อื่นแล้ว
2. กระสับ กระส่าย วุ่นวาย ไม่อยู่ติดที่ ชอบหลบหนีไปซ่อนตัว ถ้าเห็นดังนี้ ควรจับแมวขังไว้ในที่ที่ควบคุมได้ มิฉะนั้น อาจหลบไปนอนป่วยหนักอยู่ในที่ที่ตามไปช่วยไม่ทัน
3. หนังตาที่สาม ที่เป็นเยื่อบาง ๆ สีขาวตรงบริเวณหัวตายื่นออกมา แต่ปกติจะซ่อนตัวอยู่
4. น้ำตาไหลเยิ้ม มีขี้ตาเกรอะกรัง หรือเปลือกตาด้านในบวมแดงจนปลิ้น
5. อาเจียน สำรอกอาหารออกมา บางครั้งอาจมีเลือดออกมาด้วย
6. น้ำลายไหลยืด หรือชุ่มตลอดเวลา
7. ท้องร่วง ตั้งแต่ถ่ายเหลว ไปจนถึงถ่ายเป็นน้ำ บางครั้งอาจมีมูกเลือดปนกลิ่นคาว
8. จาม มีน้ำมูกใส ๆ ไหลออกมา บางรายอาจมีขี้มูกจากสีขาวเป็นสีเขียว หรืออาจมีหนองไหลออกมาจากจมูก บ้างก็เกรอะกรังติดตันเต็มรูจมูก จนแมวหายใจไม่ออก ต้องอ้าปากหายใจ
9. คัน และเกาหูบ่อยครั้ง จนรุนแรงถึงกับเป็นแผลที่ใบหูและกกหูด้านนอก ภายในรูหูมีขี้หูสีน้ำตาลจำนวนมาก จนบางครั้งเหมือนเป็นหูน้ำหนวก หากจับจะแสดงอาการเจ็บปวด
10. สั่นหัวไปมาบ่อยครั้ง หรือหัวเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง บางครั้งก็ชอบเดินเป็นวงกลม มักเป็นผลจากการติดเชื้อที่หูส่วนกลาง
11. ปากเหม็น ลมหายใจเหม็น เหมือนมีอะไรเน่าอยู่ภายใน
12. เหงือก ตรงรอยต่อกับฟันแดงก่ำ ฟันแตกหัก หรือร้องครางเมื่อเคี้ยวอาหารบางตัว บางครั้งมีอาการอยากกินอาหาร แต่ฟันร่วงเมื่อพยายามขบกัดอาหาร
13. เบ่งตัวโก่ง หรือร้องครวญครางขณะปัสสาวะ
14. ปัสสาวะปนเลือดหรือขุ่นขาว
15. หายใจลำบาก ติดขัด หอบ หายใจเสียงดังแปลกๆ เช่นเสียงหวีดแหลม
16. เหงือกมีสีเปลี่ยนไป กลายเป็นสีซีดจางหรือขาว ซึ่งอาจมาจากโลหิตจาง หรือเป็นสีม่วงคล้ำเพราะขาดออกซิเจน เป็นต้น
17. ช่องท้องขยายใหญ่และห้อยแกว่งคล้ายลูกโป่งใส่น้ำ มักพบในกรณีโรคติดเชื้อไวรัส ทำให้ช่องท้องอักเสบ
18. ขนหยาบ ร่วงง่าย หลุดเป็นวง และคันตามตัว
19. มีตุ่ม ก้อน หรือมีอาการบวมตามที่ต่างๆของร่างกาย เมื่อสัมผัสจะแสดงอาการเจ็บปวด
20. นิสัย พฤติกรรม และอารมณ์เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น ดุกว่าเดิม หลีกหนีจากสังคม เป็นต้น
21. มีไข้ตัวร้อน อุณหภูมิร่างกายสูงกว่าเดิม (ปกติ อุณหภูมิแมววัดทางทวารจะอยู่ที่ 101.3 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 38.5 องศาเซลเซียส
หากพบอาการดังกล่าวเพียง 2- 5 ข้อ กับน้องเหมียว ควรรีบพาน้องเหมียวมาพบสัตวแพทย์โดยด่วน

0

แมวพันธุ์..สฟิงซ์

image บาง ครั้งใครๆก็เรียกแมวพันธุ์สฟิงซ์ว่า แมวไม่มีขน แม้ว่าอันที่จริงแล้วมันมีขน ปกคลุมอยู่บางๆ โดยจะเห็นได้ชัดเจนที่ปลายลำตัวทั้งสองข้าง แมวไม่มีขนตัวแรกปรากฎ ที่แคนาดาในพ.ศ. 2509 ต่อมาจึงได้กลายเป็นแมวพันธุ์หนึ่ง โดยใช้แมวขนสั้นของอเมริกา มา ผสม สมาคมผู้เลี้ยงแมวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้ และเป็นพันธุ์ที่มีปัญหาถกเถียงกันอยู่ ในบ้านเราเคยมีข่าวเป็นที่ฮือฮากันมาแล้วสำหรับแมวพันธุ์นี้
จากข่าวสดรายวัน วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7132
คาดสัตว์ประหลาด แมวสฟิงซ์ ตัวละสองหมื่นห้า
image
" ปศุสัตว์"รุดพิสูจน์ซาก ชาวบ้านแห่ดูเนืองแน่น แมว? - ซาก สัตว์หน้าตาพิลึกซึ่งชาวบ้านวังสามหาบ จ.หนองบัวลำภู พบและนำมาจุดธูปบูชา ล่าสุดปศุสัตว์รุดมาตรวจ โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นแมวพันธุ์สฟิงก์(ภาพเล็ก) เพราะลักษณะคล้ายกันมาก โดยคนที่พบยืนยันว่าจะเก็บเอาไว้ ปศุ สัตว์อำเภอนาวัง จ.หนองบัวลำภู พิสูจน์ซากสัตว์ประหลาดสุดฮือฮา ตัวเล็กพอๆ กับแมว ส่วนหัวเหมือนค้างคาว แต่ไม่มีปีก ไม่มีขน ทั้งยังมีหางกับเท้าคล้ายสุนัข เบื้องต้นเชื่อเป็นสุนัขชิวาว่าไม่มีขน หรือแมวพันธุ์ "สฟิงซ์" ที่เศรษฐีนิยมเลี้ยงเพราะราคาแพงตัวละหลายหมื่นบาท เจ้าของอาจเป็นชาวต่างชาติ บังเอิญแมวตัวนี้หนีออกจากบ้านมาผสมพันธุ์หรือหากินแล้วโดนพายุฝนซัดผลัดตก จากหลังคามาตายในบ้านชาวบ้าน ต.เทพคีรี ซึ่งยืนยันว่าจะเก็บรักษาซากเอาไว้บูชาต่อไปเพราะเป็นสิ่งดี จากกรณี ชาวบ้านวังสามหาบ ต.เทพคีรี อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู แจ้งว่าพบซากสัตว์ประหลาด รูปร่างคล้ายค้างคาวผสมสุนัขและแมว ผิวหนังคล้ายมนุษย์ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 8 บ้านวังสามหาบ ต.เทพคีรี ส่งผลให้ชาวบ้านแตกตื่นแห่พิสูจน์ด้วยตาตัวเอง บางกลุ่มถือโอกาสจุดธูปเทียนบูชาขอเลขเด็ดนำโชค ขณะที่ตำรวจสภ.นาวัง ยอมรับว่า มีสัตว์รูปร่างหน้าตาประหลาดจริงที่บ้านหลังดังกล่าว ตามข่าวที่เสนอก่อนหน้านี้ ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังมีชาวบ้านจำนวนมากทยอยเดินทางดูซากสัตว์ประหลาดตลอดทั้งวัน ซึ่งนางแสงเดือน แสนพุ เจ้าของบ้านนำซากสัตว์ดังกล่าวใส่ไว้ในถาดเหมือนเมื่อวานนี้ แต่ล่าสุดมีสภาพเริ่มย่อยสลาย จึงให้คนมาฉีดสารฟอร์มาลินเพื่อป้องกันการเน่าเปื่อย แต่ผิวหนังของสัตว์เริ่มลอกออกแล้ว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า นายเจษฎา แสนประสิทธิ์ ปศุสัตว์อำเภอนาวัง ซึ่งเดินทางมาตรวจดูซากสัตว์ที่บ้านนางแสงเดือนอย่างละเอียด กล่าวว่า เมื่อพิจารณาแล้วสันนิษฐานได้เป็น 2 กรณี คือ อาจเป็นสุนัขชิวาว่า สายพันธุ์ไม่มีขน หรืออาจเป็นแมวไม่มีขน ชื่อแมวพันธุ์ "สฟิงซ์" ซึ่งไม่ใช่แมวพื้นถิ่นของประเทศไทย เบื้องต้นเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่สัตว์ดังกล่าวจะเป็นแมวสฟิงซ์มากกว่า เพราะเมื่อมองดูจากซาก รวมทั้งดูภาพสรีระ สัดส่วน หน้าตา โครงร่างคล้ายกันมาก เพียงแต่ต้องตรวจสอบกันต่อไปว่ามาตายอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้อย่างไร เพราะแมวพันธุ์สฟิงซ์มีราคาแพงถึงตัวละ 15,000-25,000 บาท ส่วนใหญ่มักเป็นสัตว์เลี้ยงของคนมีฐานะดี และในหมู่บ้านคงไม่มีใครซื้อมาเลี้ยง หรือหากมีคนซื้อมาเลี้ยงจริงน่าจะต้องรู้กันทั้งหมู่บ้าน นายเจษฎา ระบุด้วยว่า หากสัตว์ดังกล่าวเป็นแมวสฟิงซ์จริงต้องมีเจ้าของ โดยอาจเป็นได้ที่เจ้าของเป็นชาวต่างชาติ หรือคนไทยที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติ และซื้อแมวสฟิงซ์มาเลี้ยง แต่แมวอาจหนีออกจากบ้านมาผสมพันธุ์ หรือออกหากินตามธรรมชาติ ต่อมาโชคร้ายเจอกับพายุฝนขณะที่ปีนอยู่บนหลังคาบ้านข้างเคียง เมื่อฝนตกหนักจึงกระโดดหนีไปที่หลังคาบ้านของนางแสงเดือนแล้วพลัดตกลงมาได้ รับบาดเจ็บจึงหลบเข้าไปซ่อนตัวใต้ตู้กับข้าวภายในบ้าน กระทั่งรุ่งเช้ามีคนมาพบแมวสฟิงซ์ตัวนี้ในสภาพเจ็บหนักและตายในที่สุด ส่วนที่ชาวบ้านสงสัยว่าเป็นสัตว์ประหลาด เพราะคนในพื้นที่ไม่เคยพบมาก่อน ทำให้กลายเป็นจุดสนใจ มีชาวบ้านแห่มาดูมากมาย ด้านนางแสงเดือน กล่าวว่า จะเก็บซากสัตว์ประหลาดเอาไว้ในบ้านต่อไป โดยจะประแป้งจัดหิ้งไว้ให้กราบไหว้ภายในบ้านจนกว่าจะเน่าเปื่อย ส่วนใครจะว่าเป็นอะไรตนไม่ว่า แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นสิ่งดี และจะไม่ให้ใครเอาไปผ่าพิสูจน์ว่าเป็นอะไรอีก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้นำภาพแมวสฟิงซ์ให้นางแสงเดือนดูเปรียบเทียบ และได้คำตอบกลับมาว่า "ก็บอกแล้วแต่ใครจะว่าเป็นสัตว์อะไรก็ช่าง" นอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านทั้งในจังหวัดหนองบัวลำภูและต่างจังหวัดที่ทราบข่าวต่างพากัน เดินทางดูซากสัตว์คล้ายแมวสฟิงซ์อย่างไม่ขาดสาย (กรอบบ่าย)
0

แมวดำ

image    คนไทยเชื่อถือกันว่าหากมีแมวดำข้ามโลงศพ ศพนั้นจะเฮี้ยนนัก หรือแม้แต่มันเดินผ่านหน้าก็ถือว่าจะเป็นลางร้าย
ความผูกพันระหว่างคนกับแมวในลักษณะของความเชื่อมีมาแต่โบราณกาลแล้ว เมื่อราว ๓,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล แมวทุกตัวในสมัยนั้นรวมทั้งแมวดำจะได้รับการยกย่องมาก มีกฎคุ้มครองไม่ให้ผู้ใดทำร้ายหรือฆ่าแมว หากครอบครัวใดมีแมวตาย คนในครอบครัวนั้นจะเศร้าโศกมาก และสำหรับศพของมันไม่ว่าเจ้าของจะยากดีมีจนเพียงใดก็จะแต่งตัวให้แมวอย่าง สวยงาม ใช้ผ้าลินินเนื้อนุ่มห่อศพเอาไว้เหมือนมัมมี่แล้วเก็บในโลงที่ทำจากโลหะมี ค่าเช่น บรอนช์ หรือทำด้วยไม้ซึ่งเป็นของที่หายากมากในอียิปต์
เมื่อราว ๒,๐๐๐ ปี ก่อนมีข้อเขียนภาษาสันสกฤตพูดถึงบทบาทของแมวในสังคมอินเดีย ส่วนในจีนเมื่อราว ๕๐๐ ปีก่อนคริสตกาลมีหลักฐานว่าขงจื๊อเลี้ยงแมวตัวโปรดอยู่ตัวหนึ่ง ประมาณ ค.ศ. ๖๐๐ นักพยากรณ์ชื่อ มูฮะมัด ท่องบทสวดพร้อมกับอุ้มแมวไว้ด้วยและในช่วงเดียวกันนี้ชาวญี่ปุ่นก็เริ่ม เลี้ยงแมวในสถูปเจดีย์เพื่อรักษาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนคนอียิปต์เมื่อเห็นแมวตกจากที่สูง ๆ แล้วไม่เป็นอะไรก็รู้สึกทึ่ง จึงเริ่มเชื่อกันว่าแมวมี ๙ ชีวิต อย่างไรก็ตามในระหว่างหลายศตวรรษนั้น หากแมวเดินผ่านหน้าใครก็ถือเป็นเรื่องโชคดีของคนนั้น
ความหวาดกลัวแมวโดยเฉพาะแมวดำเริ่มขึ้นที่ยุโรปในยุคกลาง ที่เห็นชัดเจนก็ในอังกฤษ
แมวมีนิสัยรักอิสระ ดื้อ ชอบขโมย และยังสามารถเพิ่มจำนวนพลเมืองแมวได้อย่างรวดเร็วตามเมืองใหญ่ ๆ ดังนั้นความงามสง่าของมันจึงดูลดน้อยลงในสายตาของผู้คน แมวที่พบเห็นอยู่ตามตรอกมักเลี้ยงกันในหมู่คนยากจนและหญิงชราที่ถูกทอดทิ้ง ต่อมาเมื่อความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์เวทมนตร์ระบาดไปทั่วยุโรปหญิงชราไร้บ้าน เหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าเล่นไสยศาสตร์ และแมว (โดยเฉพาะแมวดำ) เพื่อนยากของพวกเธอก็ถูกมองว่าเป็นพวกแม่มดหมอผีไปด้วย
ที่ประเทศอังกฤษมีนิทานพื้นเมืองเกี่ยวกับแมวเรื่องหนึ่งสะท้อนความคิดของคน ในสมัยนั้นได้ดี เรื่องมีอยู่ว่าที่เมืองลินคอล์นไชร์ เมื่อทศวรรษ ๑๕๖๐-๑๕๖๙ ในคืนเดือนมืดคืนหนึ่งสองพ่อลูกเห็นสิ่งที่มีชีวิตขนาดเล็กเดินย่องผ่านหน้า พวกเขา ลอดเข้าไปในช่องเตี้ย ๆ ด้วยความกลัวจึงขว้างก้อนหินออกไป ก็ปรากฏว่ามีแมวดำบาดเจ็บโผล่ออกมา แล้วเดินกะเผลกไปบ้านข้าง ๆ ซึ่งเป็นบ้านของผู้หญิงที่คนทั้งเมืองสงสัยว่าเป็นแม่มด วันต่อมาพ่อลูกคู่นี้ก็พบหญิงคนนี้เดินอยู่ ใบหน้าของเธอมีแผลเป็นรอยถลอก และมีผ้าพันแขนเอาไว้ เวลาเดินขาก็กะเผลก ๆ จากวันนั้นเป็นต้นมาชาวเมืองลินคอล์นไชร์จึงพากันระแวงว่าแมวดำคือแม่มดที่ แปลงตัวมาในยามค่ำคืน
ปลายสมัยกลางมีหลายประเทศที่พยายามจะทำลายแมวให้สูญพันธุ์ เพราะโรคกลัวแม่มดระบาดไปทั่ว หญิงที่ไม่มีความผิดและสัตว์เลี้ยงน่าเอ็นดูที่ไม่มีพิษภัยถูกเผาตายเป็น จำนวนมาก แม้เด็กทารกที่เกิดมาแล้วมีดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าเจ้าเล่ห์เกินไปมีบุคลิกแก่แดดเกินไป ก็จะถูกสังเวยความกลัวนี้ เพราะเชื่อว่าแกมีวิญญาณสิงอยู่และจะเติบโตเป็นแม่มดหรือพ่อมดซึ่งกลายร่าง เป็นแมวดำในตอนกลางคืน ที่ฝรั่งเศส แต่ละเดือนแมวหลายพันตัวถูกเผา จนทศวรรษ ๑๖๓๐-๑๖๓๙ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๘ จึงทรงสั่งให้หยุดการกระทำอันน่าอดสูนี้
แม้แมวดำจะถูกฆ่าทิ้งไปเป็นจำนวนมากทั่วทั้งยุโรปเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่น่าแปลกที่พันธุกรรมของขนแมวสีดำกลับไม่เคยถูกลบเลือนไปจากเผ่าพันธุ์ของ มัน... หรือแมวจะมี ๙ ชีวิตจริง ๆ
“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”
0

แมวไทย

แมว ไทยเป็นแมวพันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจากแมวโบราณ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นแมวพันธุ์ขนสั้นที่สวยสง่าที่สุดในโลก และแมวไทยยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก น่าเอ็นดู มีเสน่ท์ เป็นที่นิยมกันทั่วโลกอีกด้วย แต่คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแมวพันธุ์ไทยแท้มีรูปร่าง หน้าตาเป็นอย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ต่างเข้าใจว่า แมวไทยที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไปนั้นคือ แมวไทยพันธุ์แท้ทุกตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นแมวลูกผสมเกือบทั้งสิ้น



ยังมีประเด็นอีกหลายๆ ประเด็นที่ได้ถูกคัดสรรมาให้ผู้รักแมวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพโดยทั่วไปของ แมว ปัญหาทางพฤติกรรมและการติดเชื้อ โภชนศาสตร์และภูมิคุ้มกัน เนื้องอกและโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแมว
พันธุ์แมวไทย

แมวไทยมี 3 พันธุ์
  • วิเชียรมาศ
  • ขาวมณี
  • โคราช
  • โกญจา
  • ศุภลักษณ์

วพันธุ์วิเชียรมาศ หรือแมวสยาม
ลักษณะประจำพันธุ์แมววิเชียรมาศ



แมววิเชียรมาศเป็นแมวที่ชาวต่างประเทศที่รู้จักกัน ในนามแมวสยาม (Siamese) โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษตั้งแต่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และเป็นที่รู้จักกันในแถบสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ลักษณะที่จำเพาะของแมววิเชียรมาศ คือ สีน้ำตาล
ลักษณะสีขน:
ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)
ลักษณะของส่วนหัว
รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีฟ้า
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขน ยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) ของขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

แมวขาวมณี
ลักษณะประจำพันธุ์ของแมวขาวมณี
blank
แมวขาวมณี..
ลักษณะสีขน:
ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว
ลักษณะของส่วนหัว
รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่

ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนมีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวสีสวาด (Silver blue) หรือแมวโคราช (Korat cat)
ลักษณะประจำพันธุ์ของแมวสีสวาด
blank
แมวโคราช หรือแมวดอกเลา ประวัติ
แมว พันธุ์นี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คือ แมวโคราช แมวมาเลศ หรือแมวดอกเลา แมวโคราชเป็นแมวที่พบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือเรารู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อย (Smud Khoi of Cats) ที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอ (kinks) มากเท่าไหร่จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตากหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยจะเรียกแมวโคราชอีกชื่อว่า แมวสีสวาด (Si-Sawat cat (see-sa-what)), แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา (Dok Lao) จึงเรียกแมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่นๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว (dewdrops on the lotus leaf) หรือเหมือนคนผมหงอก
แมวโคราช
แมว โคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริการโดย Cedar Glen Cattery ในรัฐโอเรกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี ค.ศ. 1959 (พ.ศ.2502) ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมรีแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก
ลักษณะสีขน:
ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
ลักษณะของส่วนหัว
หัว เมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน

ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตา สีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขน ยาวเกินไป มีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวโกญจา
ลักษณะประจำพันธุ์ของแมวโกญจา
blank

รวมพล..ตนน่ารัก..
ลักษณะสีขน:
ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว
ลักษณะของส่วนหัว
รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา
นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวมากเกินไป ขนมีสีอื่นปะปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี
แมวศุภลักษณ์ี
ลักษณะประจำพันธุ์ของแมวศุภลักษณ์
blank

แมวศุภลักษณ์..
ในสายตาฝรั่งแล้วเข้าใจว่าแมวทองแดงเป็นแมวพม่า เนื่องจากปี พ.ศ. 2473 ดร.โจเซฟ ซี ทอมสัน ชาวอเมริกัน ได้นำแมวตัวเมียสีน้ำตาลจากประเทศพม่ากลับไปที่ซานฟรานซิสโก แล้วนำไปจดทะเบียน ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งชื่อว่า Burmese Cat หรือแมวพม่า นั่นเองและ เป็นแมวพันธุ์หนึ่งที่มีคนเลี้ยงกัน มากที่สุดในโลก แต่ในสายตาคนไทย ถือว่าแมวทองแดงเป็นแมวไทย เนื่องจากโครงสร้าง และลักษณะนิสัย เป็นแบบฉบับแมวไทย มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยาแตกนั้น พม่าได้กวาดต้อนคนไทยจำนวนหนึ่งไปเป็นเชลยศึกที่พม่าและมีแมวทองแดงตามเจ้า ของเข้าสู่เขตแดนพม่าด้วย เนื่องจากเป็นแมวชั้นสูงเช่นเดียวกับแมวไทยพันธุ์อื่นๆ พวกขุนนางพม่า จึงนิยมเลี้ยงกัน พอพวกฝรั่งไปพบเข้าจึงเรียกเป็นแมวพม่าไป แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียว ฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง สีขนออกสีน้ำตาลเข้ม คล้ายสีสนิม (สีทองแดง) แต่จะมีสีเข้มมาก ขึ้นบริเวณส่วนหูและในหน้า นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสระเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่างๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร ปัจจุบันเมืองไทย หายากมาก แต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งเขาได้พัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ และสีอื่นๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์
ลักษณะสีขน:
ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป
ลักษณะของส่วนหัว
ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่

ลักษณะของนัยน์ตา
แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว
ลักษณะของหาง
หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
ลักษณะที่เป็นข้อด้อยของพันธุ์
ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

0

หางบอกอารมณ์

ภาษา ที่ใช้ในการสื่อสารทั้งมนุษย์และสัตว์แบ่งออกเป็น 2 อย่าง คือ ภาษาพูด (ใช้เสียง) และภาษาท่าทาง (เป็นการใช้อวัยวะประกอบในการสื่อสาร) แมวสามารถใช้ หางในการสื่อสาร บ่งบอกถึงอารมณ์ของมัน(เช่น เดียวกันกับสัตว์ชนิดอื่นๆ) ดังต่อไปนี้.

clip_image001

ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น :
แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย

clip_image002

ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล :
แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

clip_image003

ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง :
แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ

clip_image004

ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง :
แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน

clip_image005

ถ้าหางของแมวตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิก หรือสั้นอย่างนุ่มนวล :
แสดงว่าแมวกำลังแสดงความชอบ ความรัก (showing affection).

clip_image006

ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว :
แสดงว่าแมว รู้สึกว่าถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์

clip_image007

ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก :
แสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมาก

clip_image008

ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง :
แสดงว่าแมวกำลังโกรธ*

clip_image009

ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน :
แสดงว่าThe cat is แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว

clip_image010

ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน :
แสดงว่าแมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีก

clip_image011

ถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก :
แสดงว่าแมวกำลังกลัว

clip_image012

ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ :
แสดงว่าแมวอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ

clip_image013

ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง :
อาจจะแสดงว่าแมวกำลังยอมแพ้

clip_image014

ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกส่วนตะโพกสูงขึ้น :
แสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์ mate.

ข้อสังเกตุ : ต้องคิดอยู่เสมอว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแมว ณ สถานการณ์นั้น และสิ่งแวดล้อมที่แมวอยู่
อย่าดูอารมณ์ของแมวด้วยอาศัยท่าทางของหางของแมวแต่เพียงอย่างเดียว
* แมวมักจะแกว่งหางเมื่อมันกำลังมีอารมณ์ดี


Back to Top